วอเตอร์ฟุตพรินต์ของอ้อยอละมันสำปะหลังสำหรับการผลิตเอทานอลในภาคตะวันออก ประเทศไทย

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาค่าวอเตอร์ฟุตพรินต์ ของการปลุกอ้อยและมันสำปะหลังสำหรับการผลิตเอทานอลในภาคตะวันออก ประเทศไทย การหาค่าวอเตอร์ฟุตพรินตืดำเนินตามคู่มือการประเมินร่องรอยการใช้น้ำของ Hoekstra et al. (2011) จากการศึกษาพบว่าค่าวอเตอร์ฟุตพรินต์เฉลี่ยเท่ากับ 192 m[superscript3].ton[superscript-1] เป็นสัดส่วน WF[subscript green] :WF[subscript blue] :WF[subscript grey] เท่ากับ 161:11:19 ส่วนมันสำปะหลังมีค่าวอเตร์ฟุตพรินต์เฉลี่ยเท่ากับ 448 m[superscript3].ton[superscript-1] เป็นสัดส่วน WF[subscript green] :WF[subscript blue] :WF[subscript grey] เท่ากับ 342:40:66 เมื่อพิจารณาสัดส่วนของการใช้น้ำจะพบว่าน้ำฝนยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเพาะปลุกอ้อยและมันสำปะหลัง ความต้องการน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติสำหรับเพาะปลุกอ้อยและมันสำปะหลังเท่ากับ 48 และ 205 Mm[superscript 3] y[superscript -1] ตามลำดับ ผลการศึกษานี้อาจเป็นประโยชน์กับผู้วางนโยบายสำหรับการวางแผนเพื่อจัดการน้ำและจัดสรรน้ำในประเทศได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังสามารถนำไปเป็นฐานข้อมูลวอเตอร์ฟุตพรินต์ในระดับภาคได้อีกด้วย The aim of this research was to assess water footprint (WF) of sugarcane and cassava cultivated in eastern Thailand for ethanol production. The water footprint was estimated according to "The Water Footprint Assessment Manual" of Hoekstra et al. (2011). The results of this study showed that the average WF of sugarcane was 192 m[superscript3].ton[superscript-1] .ton and the ratio of WF[subscript green] :WF[subscript blue] :WF[subscript grey] was 161:11:19. The average WF of cassava was 448 m[superscript 3].ton [superscript-1] and the ratio of WF[subscript green] :WF[subscript blue] :WF[subscript grey] was 342:40:66. With the proportion of water use taken into consideration, rainfall remained a key factor in the cultivation of sugarcane and cassava. The water demand for cultivation of sugarcane and cassava from natural sources was 48 and 205 Mm[superscript3] y[superscript -1] respectively. The study findings would not merely be of use to policymakers for better water management but could be used as basis data of sub-national water footprint as well