การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบสอบ7Eร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถาม5W1Hสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

Abstract

งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียนของกลุ่มทดลอง รายวิชาวิทยาศาสตร์ ที่เรียนด้วยวิธีการ สอนแบบสืบสอบ 7E ร่วมกับเทคนิคการตั้งคา ถาม 5W1H 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียนของกลุ่มควบคุม รายวิชาวิทยาศาสตร์ ที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบปกติ และ 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนระหว่างกลุ่มทดลองที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอน แบบสืบสอบ 7E ร่วมกับเทคนิคการตั้งคา ถาม 5W1H และกลุ่มควบคุมที่เรียนด้วยแผนการจัดการ เรียนรู้ปกติ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านบัวมล (เจริญราษฎร์อุทิศ) สำนักงานเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 2 ห้องเรียน ห้องละ 35 คน ได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดย วิธีการสอนแบบสืบสอบ 7E ร่วมกับเทคนิคการตั้งคา ถาม 5W1H 2) แบบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ 3) แบบประเมินความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบสืบสอบ 7E ร่วมกับ เทคนิคการตั้งคา ถาม 5W1H และ 4) แบบประเมินความสอดคล้องแบบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์โดย วิธีการสอนแบบสืบสอบ 7E ร่วมกับเทคนิคการตั้งคา ถาม 5W1H ผลการวิจัยพบว่า 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียน ด้วยวิธีการสอนแบบสืบสอบ 7E ร่วมกับเทคนิคการตั้งคา ถาม 5W1H รายวิชาวิทยาศาสตร์ มีคะแนน เฉลี่ยหลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ มีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 2) ทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบ (4) ปกติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มีคะแนนหลังการจัดการเรียนรู้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยแผนการจัดการ เรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยใช้วิธีการสอนแบบสืบสอบ 7E ร่วมกับเทคนิคการตั้ง คำถาม 5W1H มีคะแนนสูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ปกติ อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .05

The research aimed to 1) compare the analytical thinking skills of Prathomsuksa 3 students in a sample group before and after using Inquiry Method 7E Learning and 5W1H Teaching Methods, 2) compare the analytical thinking skills of Prathomsuksa 3 students in a control group before and after using conventional methods and, 3) compare the analytical thinking skills of Prathomsuksa 3 students in a sample group and a control group before and after using Inquiry Method 7E Learning combined with 5W1H Teaching Methods and conventional instruction approaches, respectively. The sample group selected by group random sampling was Prathomsuksa 3 (Grade 3) students studying in Semester 2, Academic Year 2015 at Ban Bua Mon School (Jaruenraj U-tit), Bangkhen District Office, Bangkok. The samples consisted of 35 students from two classrooms. Research instruments were 1) instructional plans based on Inquiry Method 7E Learning and 5W1H Teaching Methods, 2) a test on analytical thinking skills, 3) an evaluation on concordance of instructional plans with Inquiry Methods 7E Learning combined with 5W1H teaching methods, and 4) an evaluation on concordance of evaluation on analytical thinking skills using Inquiry Method 7E Learning combined with 5W1H Teaching Methods. The results of the study indicated that: 1) after learning, the students in the sample group had statistically higher analytical thinking skills than before at a significance level of 0.05, 2) after learning, the students in the control group had statistically higher analytical thinking skills than before at a significance level of 0.05, and 3) the students in the sample group had statistically higher analytical thinking skills than the students in the control group at a significance level of 0.05.