ชุดการสอนเสริมทักษะด้านการอ่าน เรื่อง ตัวสะกดในภาษาไทยระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ หาประสิทธิภาพและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดการสอนเสริมทักษะด้านการอ่าน เรื่อง ตัวสะกดในภาษาไทย ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 สำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และศึกษาความพึงพอใจต่อชุดการ สอนเพื่อเสริมทักษะด้านการอ่าน สำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาด้านการอ่าน ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเต็มรักศึกษา ปีการศึกษา 2559 จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ชุดการสอนเสริมทักษะด้านการอ่าน เรื่อง ตัวสะกดในภาษาไทย แบบประเมินทักษะการอ่าน 2) แบบวัดความพึงพอใจของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่มีต่อชุดการสอนเสริมทักษะด้าน การอ่าน เรื่อง ตัวสะกดในภาษาไทย และ 3) แบบวัดทักษะก่อนเรียนและหลังเรียน สถิติที่ใช้ในการ วิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ ค่าทีของกลุ่มตัวอย่างไม่อิสระ (t-test for dependent sample) ผลการวิจัยพบว่า ชุดการสอนเสริมทักษะด้านการอ่าน เรื่องตัวสะกดในภาษาไทย ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 สำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 เท่ากับ 76.10/75.43 ผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยมีคะแนน เฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ (ค่าเฉลี่ย 8.36, S.D.=1.62) (ค่าเฉลี่ย = 18.86, S.D.=1.70) มีค่า t-test หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และความพึงพอใจของเด็กบกพร่องทาง สติปัญญาที่มีต่อชุดการสอนเสริมทักษะด้านการอ่าน เรื่องตัวสะกดในภาษาไทย ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 สำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาจัดอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.87)

The purposes of this study were to study the effectiveness of the employment of an instructional package for improving dyslexic Prathomsuksa 2 students’ reading skills in Thai spelling and to investigate their satisfaction with the instructional package. The participants in the research were seven Prathomsuksa 2 students with learning disabilities in reading at Temrak Suksa School in the academic year 2016. The instruments of the research consisted of an instructional package for enhancing reading skills in Thai spelling, a reading-skill evaluation test, a pre-test and post-test of the participants’ reading performance before and after the employment of the instructional package, and a satisfaction evaluation form. The statistical methods for data analysis included the percentage, mean, standard deviation, and independent-samples t-test. The findings showed that, based on the E1/E2 criteria, the instructional package was effective at 76.10/75.43 The participants’ performance after the study was better than that before the study. Their average score after the study (mean = 18.86, S.D. =1.70) was higher than that before the study(mean=8.36, S.D.=1.62) The t-test value of their performance after the study was higher than that before the study at 4.50 with a statistically significant difference at the level of 0.05 The participants also showed a high level of satisfaction with the instructional package (mean= 4.87).