ปัจจัยภายในและภายนอกประเทศที่มีผลต่อมูลค่าการส่งออก เครื่องสำอางไปยังประเทศฟิลิปปินส์

Abstract

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาอิทธิพลของปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกประเทศที่มีผลต่อมูลค่าการส่งออกเครื่องสำอางไปยังประเทศฟิลิปปินส์ โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิรายปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546-พ.ศ.2560 รวม 15 ปี การวิจัยครั้งนี้ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องมือทางเศรษฐมิติแบบสมการถดถอยพหุเชิงซ้อนและใช้วิธีการประมาณค่าสัมประสิทธิ์แบบกำลังสองน้อยที่สุด (Ordinary Least Square-OLS) ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยในแบบจำลองนี้สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงมูลค่าการส่งออกเครื่องสำอางไปยังประเทศฟิลิปปินส์ได้ร้อยละ 93.12 ทั้งนี้ปัจจัยที่มีผลมากที่สุดได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ใช้ซื้อขายกันเป็นสกุลสหรัฐเพิ่มขึ้น จะมีผลทำให้ราคาขายที่เป็นเงินบาทอ่อนค่าลงโดยเปรียบเทียบ ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกเครื่องสำอางไปยังประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9870 ปัจจัยที่มีผลต่อมูลค่าการส่งออกเครื่องสำอางรองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศฟิลิปปินส์ และราคาส่งออก F.O.B. เครื่องสำอาง ข้อสรุปของการวิจัยครั้งนี้เสนอแนะให้ภาครัฐ กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้ประกอบการผลิตเครื่องสำอาง ผู้ส่งออก รวมถึงบุคคลผู้เกี่ยวข้องในทุกกระบวนการ ร่วมกันกำหนดนโยบายควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงสนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย สามารถสร้างเอกลักษณ์ให้ตราสินค้าเพื่อสร้างความได้เปรียบและครองส่วนแบ่งทางตลาดเพิ่มขึ้น

This independent study aimed to study influences of internal and external factors affecting export values of cosmetics to the Philippines. Data were collected by using secondary data from 2003 to 2017 in totals for 15 years. Data were analyzed by using Multiple Regression and Ordinary Least Square (OLS). The results were found that the factors in this model could explain changes of export values of cosmetics in the Philippines of 93.12 percent. The most influential factor was foreign exchange rate. If U.S. Dollar used as the foreign exchange rate increases, it affects Baht depreciation in comparison. It would result in increasing of the export values of 1.9870 percent. The second factor affecting the export values of cosmetics was Philippines’s GDP and Thai (F.O.B.) export price. The conclusion of this independent study suggested that the government, scholars, cosmetics manufacturers, exporters (including people involved in every process) jointly set policies to control product quality. Moreover, they would support to conduct the research and product development to be diverse and able to create a brand identity for advantages as well as to gain more market share.