การพัฒนากิจกรรมเสริมหลักสูตรนาฏศิลป์เรื่อง การใช้อาวุธในละครเสภา

Abstract

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและประเมินความเหมาะสมของกิจกรรมเสริมหลักสูตรนาฏศิลป์เรื่อง การใช้อาวุธในละครเสภาระดับชั้นปริญญาตรีปีที่ 3 สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี2)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการใช้กิจกรรมเสริมหลักสูตร ระหว่างก่อนและหลังเรียน3)เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกิจกรรมเสริมหลักสูตรนาฏศิลป์เรื่อง การใช้อาวุธในละครเสภาด้านความรู้ของนักศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีปีที่ 3 สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 4) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกิจกรรมเสริมหลักสูตรนาฏศิลป์เรื่อง การใช้อาวุธในละครเสภาด้านทักษะปฏิบัติของนักศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีปีที่ 3 สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี5)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีปีที่ 3 สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ที่มีต่อกิจกรรมเสริมหลักสูตรนาฏศิลป์เรื่อง การใช้อาวุธในละครเสภา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 พัฒนากิจกรรมเสริมหลักสูตรนาฏศิลป์ เรื่อง การใช้อาวุธในละครเสภา ได้แก่ นักศึกษาสาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา เอกละคร จำนวน 20 คน หัวหน้าภาควิชานาฏดุริยางคศิลป์และคณะกรรมการบริหารหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต (สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา) จำนวน 6 คนรวมทั้งสิ้น 26 คน ระยะที่ 2 ศึกษาผลการใช้กิจกรรมเสริมหลักสูตรนาฏศิลป์เรื่องการใช้อาวุธในละครเสภา ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 3 สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา เอกละครภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 18 คนโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Group Sampling) โดยนำกิจกรรมไปจัดการเรียนรู้ให้กับนักศึกษาตามแผนการจัดการเรียนรู้ 6 แผน แบ่งออกเป็นด้านความรู้ 1 แผน และด้านทักษะปฏิบัติ 5 แผน ใช้เวลาในการศึกษา 18 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าร้อยละและt-test dependent ผลการศึกษาพบว่า 1) การพัฒนากิจกรรมเสริมหลักสูตร เรื่อง การใช้อาวุธพบว่ามีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.722) นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกิจกรรมเสริมหลักสูตร เรื่อง การใช้อาวุธ ด้านความรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .013) นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกิจกรรมเสริมหลักสูตร เรื่อง การใช้อาวุธ ด้านความรู้ในระดับดีมาก 4) นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกิจกรรมเสริมหลักสูตร เรื่อง การใช้อาวุธด้านทักษะปฏิบัติโดยรวมในระดับดีมาก 5) นักศึกษามีความพึงพอใจต่อกิจกรรมเสริมหลักสูตร เรื่อง การใช้อาวุธ โดยรวมในระดับมากที่สุดค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.89

The objectives of this research were to: 1) develop and evaluate the appropriateness of the extra-curricular activities on the topic of weapon use of Sepha dance dramas of the 3rd-year bachelor's degree students, Thai Dancing Arts program, Faculty of Fine and Applied Arts, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, 2) compare the learning achievements of the 3rd-year undergraduate students before and after the use of the extra-curricular activities on the topic of weapon use before and after the course, 3) study the learning achievement in terms of knowledge of the 3rd-year undergraduate students after the course, 4) study the learning achievement of the students in terms of practical skills after the course, and 5 study the satisfaction of the 3rd-year undergraduate students with the extra-curricular activities on the topic of weapon use of Sepha dance dramas. The samples used in this research were divided into two groups according to the two phases. Phase 1: for the development of extra-curricular activities on the topic of weapon use, 20 students majoring in Thai Drama Studies, six program committee members (Thai Drama Studies program), and the head of the Department of Dramatic Arts, making a total of 26 participants. Phase 2: for the study results of using extra- curricular activities on weapon use for the 3rd-year undergraduate students in the field of Thai Drama Studies, majoring in Drama in Semester 2, Academic Year 2022. Eighteen people participating in this study were derived from the group sampling method. Six lesson plans were used to teach the samples, which were divided into one knowledge plan and five practical skills plans, taking 18 hours to study. Statistics used in data analysis were mean, standard deviation, percentage, and dependent samples t-test. The results of the study showed that: 1) the development of extra-curricular activities on the topic of weapon use was found to be appropriate at the highest level, with a mean score of 4.72, 2)the learning achievements of the students, who were taught by the extra-curricular activities on the topic of weapon use in terms of knowledge, after the course, were higher than before the course at the statistical significance level of .01, 3) the students' learning achievements using the extra-curricular activities on the topic of weapon use in terms of knowledge are at a high level, 4) the students’ learning achievements using the extra-curricular activities on the topic of weapon use in terms of practical skills are at the highest level, and 5) the students were overall satisfied with the extra-curricular activities on the topic of weapon use at the highest.