ภาวะผู้นำที่มีผลต่อความพึงพอใจในการทำงาน : กรณีศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

Abstract

การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบภาวะผู้นำบุคลากร ต่อความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี ผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือเป็นแบบสอบถาม เพื่อเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นบุคลากรสายวิชาการ สายสนับสนุนและลูกจ้างชั่วคราวของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี จำนวน 186 คน ค่าสถิติที่ใช้ ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Independent t-test One-Way ANOVA และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลแตกต่างกันไม่มีผลต่อความพึงพอใจในภาวะผู้นำ และปัจจัยทางด้านรูปแบบภาวะผู้นำทั้ง 4 รูปแบบ คือ ภาวะผู้นำแบบบงการ ภาวะผู้นำแบบสนับสนุน ภาวะผู้นำแบบส่วนร่วม และภาวะผู้นำแบบเน้นความสำเร็จ มีความสัมพันธ์ต่อความพึงพอใจในการทำงานของบุคลากรใน 6 ด้าน คือ ด้านความรู้สึก ด้านความมั่นคงในงาน ด้านเพื่อนร่วมงาน ด้านอัตราผลตอบแทน ด้านสภาพแวดล้อม และด้านความสมดุลในชีวิตส่วนตัว อย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

The purpose of this research was to investigate the correlation between types of relationships and the satisfaction of the staff of the Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Thanyaburi. A questionnaire was administered to a sample of 186 respondents, comprised of the teaching staff, support staff, and casual staff of the Faculty. Data were statistically analyzed using percentage, frequency, mean, standard deviation, independent t-test, one-way ANOVA, and Pearson’s correlation coefficient. The findings revealed that the individual differences factors did not affect the satisfaction of the staff members. However, the leadership styles factor, which was divided into four types, directive leadership, supportive leadership, participative leadership, and achievement-oriented leadership, had a statistically significant relationship with the satisfaction of the staff members in six main areas, affection, job security, colleagues, pay, work setting, and work-life balance, at the 0.05 level.