ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพการให้บริการของพนักงานที่มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานด้านรถเช่า กรณีศึกษา บริษัท นิค คาร์เร้นท์ แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด

Abstract

การค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของธุรกิจรถเช่า และศึกษาปัจจัยคุณภาพการให้บริการของพนักงานที่มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของธุรกิจรถเช่า ของผู้ที่มาใช้บริการรถเช่าที่บริษัท นิค คาร์เร้นท์ แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ลูกค้าที่มาใช้บริการของบริษัท นิค คาร์เร้นท์ แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด จำนวน 235 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามความคิดเห็นแบบมาตรวัดประเมินค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่า ข้อมูลส่วนบุคคลด้านอายุ และอาชีพ ที่แตกต่างกันส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน และข้อมูลด้านเพศ ระดับการศึกษา รายได้ และด้านประเภทของรถเช่าที่ใช้บริการที่แตกต่างกันไม่ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน และปัจจัยคุณภาพการให้บริการของพนักงานกับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานโดยภาพรวม มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงข้ามกันโดยมีค่าความสัมพันธ์เท่ากับ 0.063

This independent study aims to study the factors affecting efficiency and the effect of employees’ quality of service on efficiency in Nick Carrent & Transport Co., Ltd., a car rental business. The samples employed in this research were 235 customers who have purchased a service from Nick Carrent & Transport Co., Ltd. The tool used in this research consisted of a 5-point questionnaire and the statistic data used for data analysis were percentage, mean, standard deviation, and Pearson’s Correlation Coefficient. The study results illustrated that the different personal data in the aspect of age and occupation resulted in difference operational efficiency, whereas the difference personnel data in the aspects of gender, education level, income, and type of car rented yielded indifferent operation efficiency. The factor of quality of services provided by the employees and the overall operational efficiency yielded the reverse relationship with the correlation coefficient of 0.063.