พฤติกรรมการจัดการความเครียดและปัจจัยในการทำงานที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

Abstract

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการจัดการความเครียดของพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 2) ศึกษาสภาพของปัจจัยในการทำงานของพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และ 3) ศึกษาอิทธิพลของพฤติกรรมการจัดการความเครียดและปัจจัยในการทำงาน ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จำนวน 340 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบตามสะดวกและใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ณ ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการศึกษาพบว่า พฤติกรรมการจัดการความเครียด ด้วยการเผชิญความเครียดแบบมุ่งลดอารมณ์และการเผชิญความเครียดแบบมุ่งแก้ปัญหา มีพฤติกรรมแบบมีการกระทำบ่อยๆ โดยพฤติกรรมการจัดการความเครียดด้วยการเผชิญความเครียดแบบมุ่งลดอารมณ์มีค่าเฉลี่ยมากกว่าการจัดการความเครียดด้วยการเผชิญความเครียดแบบมุ่งแก้ปัญหา ปัจจัยในการทำงานโดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านความสำเร็จและก้าวหน้าในงาน มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านบทบาทหน้าที่ ด้านสภาพแวดล้อมในองค์กร ด้านลักษณะงาน และด้านสัมพันธภาพภายในองค์กร ตามลำดับ ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานโดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยประสิทธิภาพด้านเวลามีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านปริมาณงานและด้านคุณภาพงาน ตามลำดับ และพบว่า พฤติกรรมการจัดการความเครียดด้วยการเผชิญความเครียดแบบมุ่งแก้ปัญหา และปัจจัยในการทำงานด้านบทบาทหน้าที่และด้านสภาพแวดล้อมในองค์กรมีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

The objectives of this study were to investigate:1)the stress management behaviors of local administrative organization employees in the Khlong Luang District of Pathum Thani Province, 2) the working factors condition of these employees, and 3) the effects of stress management behaviors and working factors on theseemployees’ operational efficiency. The sample group used in this study comprised 340 employees of a local administrative organization in the Khlong Luang District of Pathum Thani Province. They were selected by using the convenience sampling method. The research instrument used to collect data was a questionnaire. The statistical methods used to analyze the data were percentage, mean, standard deviation and multiple regression analysis at the statistically significant level of .05. The findings showed that the stress management behaviors of emotion-focused coping and problem-focused coping were rated as a frequent behavior where the mean of emotion-focused coping behavior was higher than problem-focused coping behavior. The overall and the individual dimensions of working factors were rated at a high level. Among the dimensions of working factors, it was found that success and advancement in the work had the highest mean, followed by role in the job, working environment within the organization, job description, and relationships within the organization, respectively. The overall and the individual dimensions of operational efficiency were rated at a high level. Time efficiency was found to have the highest mean, followed by throughput efficiency and quality performance, respectively. Furthermore, problem-focused coping behavior and working factors included role in the job and working environment within the organization had effects on the operational efficiency of local administrative organization employees in the Khlong Luang District of Pathum Thani Province at a statistically significant level of .05.